บันทึกการเรียนครั้งที่ 2
วันอังคารที่ 20 เดือน มกราคม พ.ศ.2558
^^ ความรู้ที่ได้รับในวันนี้ ^^
รูปแบบการจัดการศึกษา
- การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
- การศึกษาพิเศษ (Special Education)
- การศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming )
- การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม
(Integrated Education หรือ Mainstreaming)
(Integrated Education หรือ Mainstreaming)
- การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป
- เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปทำงานร่วมกัน
- ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
- ครูปฐมวัยและครูการศึกาาพิเศษร่วมมือกัน
การศึกษาแบบเรียนร่วม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
- จัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียยนปกติในบางเวลา
- เด็กพิเศษมีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
- เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงมาก จึงเรียนร่วมเต็มเวลาไม่ได้
** เป็นเด็กพิเศษที่มีอาการค่อนข้างหนัก มาเรียนไม่เต็มวันมักมาร่วมในช่วงกิจกรรมเคลื่อนไหว,
ดนตรี, ศิลปะ, กลางแจ้ง ส่วนกิจกรรมเสริมประสบการณ์จะยากเกินไป **
- เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงมาก จึงเรียนร่วมเต็มเวลาไม่ได้
** เป็นเด็กพิเศษที่มีอาการค่อนข้างหนัก มาเรียนไม่เต็มวันมักมาร่วมในช่วงกิจกรรมเคลื่อนไหว,
ดนตรี, ศิลปะ, กลางแจ้ง ส่วนกิจกรรมเสริมประสบการณ์จะยากเกินไป **
2. การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)
- จัดให้เด็กเรียนในโรงเรียน
- จัดกิจกรรมให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
- เด็กพิเศษได้รับกระบวนการจัดการเรียนรู้ และบริการนอกห้องเรียน เหมือนเด็กปกติ
- เป้าหมาย เพื่อให้เด็กเข้าในซึ่งกันและกัน มีปฎิสัมพันธที่ดีต่อกัน
- เด็กจะเข้าใจ และยอมรับความแตกต่างของเพื่อนได้
** เมื่อมีเด็กพิเศษในห้องเรียน ครูจำเป็นต้องบอกกับเด็กปกติตามความเป็นจริง อาจกล่าวว่า
"เพื่อนไม่ค่อยแข็งแรง ต้องช่วยเหลือ ดูแลเพื่อนนะ แล้วถ้ามีอะไรให้บอกครู "
เพราะถ้าครูไม่บอกเด็กจะมาถามครู, ถามผู้ปกครอง หรืออาจจะไปถามเพื่อนที่เป็นเด็กพิเศษ**
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
การศึกษาแบบเรียนรวม เป็นการจัดการศึกษาให้เด็กพิเศษ และเด็กปกติเรียนรวมกัน
ซึ่งเด็กพิเศษสามารถเรียนรู้ และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสม
- เด็กจะเข้าใจ และยอมรับความแตกต่างของเพื่อนได้
** เมื่อมีเด็กพิเศษในห้องเรียน ครูจำเป็นต้องบอกกับเด็กปกติตามความเป็นจริง อาจกล่าวว่า
"เพื่อนไม่ค่อยแข็งแรง ต้องช่วยเหลือ ดูแลเพื่อนนะ แล้วถ้ามีอะไรให้บอกครู "
เพราะถ้าครูไม่บอกเด็กจะมาถามครู, ถามผู้ปกครอง หรืออาจจะไปถามเพื่อนที่เป็นเด็กพิเศษ**
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (ความหมายสากล^^)
"Inclusive Education is Education for all,
It involves receiving people
at the beginning of their education,
with provision of additional services
needed by each individual"
(แปล^^)
“การศึกษาแบบเรียนรวมเป็นการศึกษาสำหรับทุกคน โดยเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก เล็กๆ
เด็กแต่ละคนย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกัน ต้องจัดการศึกษาที่เหมาะสม”
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
การศึกษาแบบเรียนรวม เป็นการจัดการศึกษาให้เด็กพิเศษ และเด็กปกติเรียนรวมกัน
ซึ่งเด็กพิเศษสามารถเรียนรู้ และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสม
จากการวิจัย เด็กพิเศษหลายประเภท เทียบกับเด็กพิเศษที่ศึกษาแบบเรียนรวม พบว่า
พัฒนาการทางด้านร่างกาย และสติปัญญา >> อยู่มีระดับใกล้เคียงกัน
ส่วนพัฒนาการด้านอารมณ์ และสังคม >> เด็กพิเศษที่เข้ารับการศึกษาแบบเรียนรวม
มีพัฒนาการด้านอารมณ์ และสังคม ที่ดีกว่าเด็กพิเศษที่เรียนเฉพาะการศึกษาพิเศษ
ท้ายคาบ อาจารย์ได้ให้นักศึกษา ทบทวนเพลงสำหรับเด็กที่ได้เรียนในสัปดาห์ที่แล้ว
เพื่อให้นักศึกษาร้องเพลงได้ดียิ่งขึ้น หลังจากทบทวนเพลงแล้ว อาจารย์ให้นักศึกษา ทำแบบทดสอบ หลังเรียน เพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา ว่าเข้าใจมากน้อยเพียงใด และเข้าใจถูกต้อง
หรือไม่
หรือไม่
1. จัดการเรียนการสอนในชั้นปฐมวัยให้กับเด็กพิเศษได้ เพราะวัยนี้เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ได้ดีที่สุด
เป็นช่วงที่สมองกำลังสร้างเซลล์สมอง ซึ่งหลังอายุ 7 ขวบ เซลล์สมองจะไม่สร้างอีกแล้ว
2. เมื่อมีเด็กพิเศษในห้องเรียน ครูจะต้องบอกให้เด็กปกติเข้าใจความแตกต่างของเพื่อน
ควรโน้มน้าวให้เด็กรักกัน และไม่ยกจุดด้อยของเด็กมาล้อ
3. ครูต้องเปิดโอกาสให้เด็กกล้าในสิ่งที่เหมาะสม การปรับตัว และการใช้ชีวิต มากกว่าการเน้น
วิชาการ เพราะอนาคตเด็กต้องเผชิญสังคม และใช้ชีวิตด้วยตนเอง
วิชาการ เพราะอนาคตเด็กต้องเผชิญสังคม และใช้ชีวิตด้วยตนเอง
4. สามารถส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้านได้แก่ ด้านร่างกาย, อารมณ์, สังคม และสติปัญญาได้
5. สามารถนำเพลงไปใช้สอนเด็กปฐมวัยได้ทั้งเด็กพิเศษ และเด็กปกติ
การประเมิน
ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจฟังอาจารย์สอน และจดบันทึกย่อ
เข้าใจในเนื้อหาที่ได้เรียน เรียนสนุกสนาน สบายๆ ไม่เครียด
ส่วนการร้องเพลง ยังร้องเพลงไม่ค่อยถูกเนื้อ
และไม่ค่อยถูกทำนอง แต่จะฝึกฝน และจะนำนำไปใช้สอนเด็กๆค่ะ
ประเมินเพื่อน : เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน และจดบันทึกเนื้อหาเพิ่มเติม
ทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียน เพื่อนๆ อารมณ์ดี ร่าเริง
จึงทำให้บรรยากาศในห้องเรียนสนุกสนานมาก
ประเมินอาจารย์ : เข้าสอนตรงเวลา อาจารย์อธิบาย และยกตัวอย่างที่เข้าใจง่าย
และสามารถนำไปใช้กับเด็กได้อย่างเหมาะสม
สอนสนุก ทำให้นักศึกษาเรียนอย่างมีความสุข ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น